สงครามกลางเมืองกาแลกติก
From Wikipedia, the free encyclopedia
สงครามกลางเมืองกาแลกติก (Galactic Civil War) เป็นสงครามในเรื่องแต่งชุดสตาร์ วอร์ส มีความสำคัญเป็นฉากหลังของเหตุการณ์ในไตรภาคเดิมของภาพยนตร์ รวมไปถึงนิยาย หนังสือการ์ตูน และวิดีโอเกมในจักรวาลขยายจำนวนมาก
บทความนี้ไม่มีการอ้างอิงจากแหล่งที่มาใด |
สงครามกลางเมืองกาแลกติก | |||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|
| |||||||
คู่สงคราม | |||||||
นิกายซิธลอร์ด
|
เผ่าพันธุ์ต่าง ๆ ในกาแลกติก
| ||||||
ผู้บังคับบัญชาและผู้นำ | |||||||
จักรพรรดิพัลพาทีน † ดาร์ธ เวเดอร์ † แกรนด์มอฟฟ์วิลฮัฟ ทาร์คิน † พลเรือเอกพิเอ็ต † มอฟฟ์เจอร์เจอรอด † จอมพลเรือธรอวน์ พลเรือเอกพาลเลออน |
ลุค สกายวอล์คเกอร์ ฮัน โซโล แลนโด้ คาลริสเซียน มอน มอธมา พลเรือเอกแอกบาร์ เลอา ออร์กานา แจน โดดอนนา คริกซ์ มาดีน | ||||||
ความสูญเสีย | |||||||
จักรวรรดิกาแลกติกล่มสลาย ดาร์ธ เวเดอร์ และจักรพรรดิพัลพาทีนเสียชีวิต |
อัลเดอรานถูกทำลาย สมาชิกพันธมิตรเสียชีวิตจำนวนมาก |
สงครามกลางเมืองกาแลกติกเป็นการต่อสู้รบเพื่อแย่งชิงอำนาจในระบบกาแล็คซี่เป็นเวลาถึงห้าปี ซึ่งพันธมิตรฟื้นฟูสาธารณรัฐได้ลุกขึ้นก่อกบฏต่ออำนาจการปกครองของจักรวรรดิกาแลกติกในความพยายามที่จะฟื้นฟูระบอบประชาธิปไตยกลับคืนสู่กาแลคซี่ จุดเริ่มต้นของการก่อกบฏนั้นอาจเป็นผลสืบเนื่องมาจากสงครามโคลน เมื่อกลุ่มกบฏที่ได้รับการก่อตั้งโดยสาธารณรัฐกาแลกติกและนิกายเจได เพื่อต่อสู้รบกับระบบสหภาพพิภพอิสระ หลังจากสมุหนายกพัลพาทีนหรือซิธลอร์ด ดาร์ธ ซีเดียส ได้เปลี่ยนจากสาธารณรัฐมาเป็นจักรวรรดิและทำลายล้างนิกายเจได เหล่าพวกกบฏจำนวนมากได้ลุกขึ้นต่อสู้กับจักรวรรดิ จำนวนของพวกเหล่านี้ก็ได้รวมตัวกันและกลายเป็นพันธมิตรกบฏฟื้นฟูสาธารณรัฐ
สงครามได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการในปีที่ 0 ก่อนยุทธการยาวิน เมื่อฝ่ายพันธมิตรได้รับชัยชนะครั้งใหญ่เป็นครั้งแรกต่อจักรวรรดิ เมื่อได้ขโมยแผนผังดาวมรณะในยุทธการที่ดาวสคาริฟ สถานีรบขนาดใหญ่ที่สามารถทำลายดวงดาวได้ทั้งดวงของจักรวรรดิ แผนผังดังกล่าวได้ถูกส่งไปถึงพันธมิตรกบฏโดยเจ้าหญิงเลอา ออร์กานา ด้วยความช่วยเหลือจากสหายอย่างลุค สกายวอล์คเกอร์และฮัน โซโล ด้วยการวิเคราะห์แผนผังทำให้ฝ่ายกบฏทำการเปิดฉากโจมตีในยุทธการยาวิน ซึ่งนักบินสกายวอล์คเกอร์ กับความช่วยเหลือจากกัปตันโซโลสามารถทำลายดาวมรณะได้สำเร็จ ชุดของการโจมตีที่ตามมาโดยพันธมิตร รวมถึงการโจมตีโรงงานผลิตอาวุธหลักของจักรวรดิ ทำให้จักรวรรดิต้องสั่นคลอนจากการรุดหน้าของฝ่ายพันธมิตร ด้วยผลลัพธ์นี้, จักรวรรดิต้องออกตามล่าฝ่ายพันธมิตรไปทั่วทั้งกาแล็คซีภายใต้การนำโดยดาร์ธ เวเดอร์ ดาร์ธลอร์ดแห่งซิธและหัวหน้าผู้บังคับการแห่งจักรวรรดิ กองกำลังของเวเดอร์ได้ค้นพบฐานทัพของฝ่ายพันธมิตรที่ตั้งอยู่บนดาวฮอธ ด้วยผลลัทธ์ในยุทธการที่ดาวฮอธ, บีบบังคับให้ฝ่ายพันธมิตรต้องละทิ้งฐานทัพบนดาวน้ำแข็งและส่งกองยานต่างๆให้กระจัดกระจายไปทั่วทั้งกาแล็คซี่เพื่อหลบซ่อนตัว
หกเดือนต่อมาในปีที่ 4 หลังยุทธการยาวิน จักรพรรดิพัลพาทีนได้ยอมให้ฝ่ายพันธมิตรรับรู้ถึงการมีอยู่ของดาวมรณะที่สอง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกับดักเพื่อหลอกล่อฝ่ายพันธมิตรให้เข้ามาติดกับและทำลายล้างให้สิ้นซาก ฝ่ายพันธมิตรเชื่อว่าพวกเขาจะเปิดฉากการโจมตีอย่างน่าประหลาดใจ ซึ่งจะดำเนินการในยุทธการเอนดอร์ ในช่วงระหว่างการรบ, ลุค สกายวอล์คเกอร์ที่รับรู้ถึงดาร์ธ เวเดอร์เป็นบิดาของตน ได้เผชิญหน้ากับดาร์ธลอร์ดในการประลองกระบี่แสงครั้งสุดท้ายบนดาวมรณะ จักรพรรดิได้พยายามที่จะสังหารสกายวอล์คเกอร์ แต่ด้วยความสงสารจากเวเดอร์จึงจับจักรพรรดิโยนลงไปในป่องแกนปฏิกรณ์ของดาวมรณะจนถึงแก่ความตาย ด้วยคำทำนายที่กำหนดชะตาให้เป็นผู้ที่ถูกเลือกและทำลายล้างซิธได้กลายเป็นจริงขึ้นมาแล้ว เวเดอร์ หรืออนาคิน สกายวอล์คเกอร์ได้เสียชีวิตลงจากอาการบาดเจ็บสาหัส เขาได้ค้ำจุนไว้ในช่วงระหว่างการรบ ทำให้การปกครองของนิกายซิธในระบบกาแลคซีสิ้นสุดลง ในขณะที่ฝ่ายพันธมิตรได้ทำลายดาวมรณะดวงที่สองได้สำเร็จ ส่งผลทำให้จักรวรรดิเกิดความแตกแยกและยุคขุนศึกได้ก่อกำเนิดขึ้น
ด้วยผลลัพธ์จากช่องว่างแห่งอำนาจที่เหลืออยู่จากการตายของจักรพรรดิ มอฟฟ์จักรวรรดิและผู้นำคนอื่นๆเริ่มแก่นแย่งชิงอำนาจกัน อย่างไรก็ตาม, มีบางคนเริ่มที่จะแยกตัวออกจากจักรวรรดิ ในความพยายามที่จะขัดขวางไม่ให้คนของเขารับรู้ถึงการตายของจักรพรรดิ ผู้ว่าการ Ubrik Adelhard ได้ทำการปิดล้อมอโนท์เซ็กเตอร์(Anoat sector) ในการสนับสนุนการปิดกั้นเหล็ก(Iron Blockade) จุดประกายในการก่อการกำเริบภายในเซ็กเตอร์แห่งนี้ หนึ่งปีต่อมา, จักรวรรดิได้ต่อสู้กับสาธารณรัฐใหม่ รัฐบาลประชาธิปไตยที่ก่อตั้งขึ้นโดยพันธมิตรกบฏในศึกครั้งสุดท้ายบนดาวทะเลทรายที่จัคคู อย่างไรก็ตาม หน่วยทหารจักรวรรดิภายใต้การนำโดยที่ปรึกษา(Counselor) Gallius Rax ได้พบความพ่ายแพ้และเผชิญกับสถานการณ์ความไม่สงบอย่างรุนแรง จักรวรรดิภายใต้การนำโดยแกรนด์วิเซียร์(รองจักรพรรดิ) Mas Amedda ได้ยอมจำนนต่อสาธารณรัฐ ที่ดาวชาดริลา จักรวรรดิได้ลงนามเซ็นสนธิสัญญาปรองดองกาแลคติก(Galactic Concordance)กับสาธารณรัฐอย่างเป็นทางการ เป็นอันยุติความขัดแย้งและจำกัดขีดความสามารถทางทหารของจักรวรรดิอย่างรุนแรง จักรวรรดิได้เปลี่ยนกลายเป็นรัฐตกค้างเพราะมันจะค่อยๆกระจายอำนาจออกไป
แม้ว่าสงครามกลางเมืองจะสิ้นสุดลง ส่วนที่เหลือของจักรวรรดิที่กระจัดกระจายซึ่งถูกควบคุมโดยขุนศึกต่างๆที่ยังคงมีอยู่ ในขณะที่ทางสาธารณรัฐได้ออกแถลงการณ์อีกฉบับหนึ่งซึ่งได้ระบุว่าเหล่าเจ้าหน้าที่ของจักรวรรดิทั้งหมดที่รอดชีวิตล้วนเป็นอาชญากรสงคราม กลายเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามเย็น อย่างไรก็ตาม, อดีตเจ้าหน้าที่จักรวรรดิจำนวนมาก ขุนนาง นักเทคโนโลยี ขุนศึก และผู้จงรักภักดีคนอื่นๆได้เลือกที่จะละทิ้งจักรวรรดิและหลบหนีเข้าไปยังดินแดนที่ไม่รู้จัก(Unknown Regions) ซึ่งที่นั้นพวกเขาได้ก่อตั้งปฐมภาคีขึ้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความลับที่ได้ถูกออกแบบโดยจักรพรรดิพัลพาทีน