สงครามอินโดจีนครั้งที่สาม
เป็นหนึ่งในความขัดแย้งด้วยอาวุธที่เชื่องโยงต่อกัน ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มต่างๆ ในฝ่ายลัทธิคอ / From Wikipedia, the free encyclopedia
สงครามอินโดจีนครั้งที่สาม เป็นหนึ่งในความขัดแย้งด้วยอาวุธที่เชื่องโยงต่อกัน ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มต่างๆ ในฝ่ายลัทธิคอมมิวนิสต์ที่มีอิทธิพลต่อยุทธศาสตร์ในอินโดจีน ภายหลังจากการถอนตัวของสหรัฐอเมริกาในปี ค.ศ. 1973 และชัยชนะของฝ่ายลัทธิคอมมิวนิสต์ในเวียดนามใต้ ลาว และกัมพูชา ในปี ค.ศ. 1975[3] การถอนตัวของอเมริกันโดยสมบูรณ์นั้นได้กำจัดศัตรูตัวหลักและร่วมของอำนาจคอมมิวนิสต์ทั้งหมด[4] ความแตกต่างระหว่างหลักการเชิงยุทธศาสตร์และการเมืองของจีนและโซเวียตได้เพิ่มมากขึ้นจนนำไปสู่ความแตกแยกระหว่างจีน–โซเวียตในช่วงกลางปีทศวรรษที่ 1950 ระบอบคอมมิวนิสต์ในประเทศกัมพูชา เวียดนาม และลาวได้แสดงความภักดีต่อหนึ่งในสองฝ่ายที่ขัดแย้งกันเหล่านี้ สงครามที่ตามมานั้นเกิดขึ้นจากความเกลียดชังในศตวรรษเก่าระหว่างเวียดนามและกัมพูชา และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง-เวียดนาม-จีน[5]
สงครามอินโดจีนครั้งที่สาม | |||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|
ส่วนหนึ่งของ สงครามอินโดจีนและสงครามเย็น | |||||||
แผนที่ อินโดจีน ในปี พ.ศ. 2522 | |||||||
| |||||||
คู่สงคราม | |||||||
ราชวงศ์ลาว สหรัฐ เกาหลีเหนือ[1] |
เวียดนาม
กติกาสัญญาวอร์ซอ ประเทศต่าง ๆ (จนถึงปี ค.ศ. 1991) [1] | ||||||
ความสูญเสีย | |||||||
ไม่ระบุ |
เวียดนาม: ทหารเสียชีวิต 105,627 นาย[2] |
ในปี ค.ศ. 1975 การทหารในช่วงแรกได้เกิดขึ้นระหว่างระบอบคอมมิวนิสต์ในเวียดนามและระบอบเขมรแดงในกัมพูชา ซึ่งส่งผลทำให้เวียดนามเข้ายึดครองกัมพูชามายานนานกว่าทศวรรษ การผลักดันของเวียดนามเพื่อทำลายเขมรแดงให้สิ้นซากอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้จนทำให้พวกเขามีความขัดแย้งอย่างเปิดเผยกับประเทศไทย[6][7]
ประเทศจีนนั้นไม่เห็นด้วยกับบทบาทปฏิบัติการในการปราบปรามการก่อกบฏต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์ในลาว อย่างไรก็ตาม การคัดค้านยิ่งเพิ่มมากขึ้นต่อการบุกครองกัมพูชา กองทัพจีนได้เปิดฉากปฏิบัติการสั่งสอน เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1979 และโจมตีจังหวัดทางภาคเหนือของเวียดนาม ด้วยความมุ่งมั่นที่จะจำกัดอิทธิพลของโซเวียต/เวีดยนาม และขัดขวางผลประโยชน์ดินแดนในภูมิภาค[8][9]
ในคำสั่งเพื่อให้สามารถควบคุมกัมพูชาได้อย่างสมบูรณ์ กองทัพประชาชนเวียดนามจำเป็นต้องขับไล่ผู้นำและหน่วยทหารที่เหลือของเขมรแดง ซึ่งได้ล่าถอยไปยังพื้นที่ห่างไกลตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา[10] สถานการณ์ได้ทวีความรุนแรงมากขึ้น เนื่องจากอำนาจอธิปไตยของประเทศไทยได้ถูกละเมิดหลายต่อหลายครั้ง การต่อสู้รบอย่างหนักด้วยมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมากเป็นผลมากจากการเผชิญหน้าโดยตรงระหว่างกองทัพเวียดนามและกองทัพไทย ประเทศไทยได้เพิ่มกำลังทหารมากขึ้น จัดซื้อยุทโธปกรณ์ใหม่ และสร้างแนวหน้าทางการทูตกับเวียดนาม และจีน[11] ภายหลังจากการประชุมสันติภาพปารีสในปี ค.ศ. 1989 กองทัพประชาชนเวียดนามได้ถอนกำลังออกจากดินแดนกัมพูชา จนท้ายที่สุด ข้อตกลงของทหารประจำการในภูมิภาคได้จบลง ภายหลังจากข้อสรุปของสนธิสัญญาสันติภาพปารีส ปี ค.ศ. 1991[12][13]