จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์
กลุ่มดินแดนพหุชาติอันซับซ้อนซึ่งตั้งอยู่ในทวีปยุโรปตอนกลางและตะวันตก (ค.ศ. 800/962–1806) / From Wikipedia, the free encyclopedia
จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ (ละติน: Sacrum Imperium Romanum, เยอรมัน: Heiliges Römisches Reich) เป็นอภิมหาอำนาจในอดีต เป็นจักรวรรดิซึ่งประกอบด้วยดินแดนหลากเชื้อชาติในยุโรปกลาง ก่อกำเนิดขึ้นในสมัยกลางตอนต้นและล่มสลายลงในปี ค.ศ. 1806 โดย ราชอาณาจักรเยอรมนีถือเป็นแคว้นที่ใหญ่ที่สุดในบรรดา 962 แว่นแคว้นในจักรวรรดิ รองลงมาคือ ราชอาณาจักรโบฮีเมีย ราชอาณาจักรบูร์กอญ ราชอาณาจักรอิตาลี
ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ Sacrum Imperium Romanum (ละติน) Heiliges Römisches Reich (เยอรมัน) | |||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ค.ศ. 800–1806 | |||||||||||||||||||
จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ช่วงรุ่งเรืองที่สุด เทียบกับพรมแดนประเทศในปี ค.ศ.1181 | |||||||||||||||||||
วิวัฒนาการอาณาเขตของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ | |||||||||||||||||||
เมืองหลวง | ไม่มีอย่างเป็นทางการ; นครศูนย์กลางอำนาจมีหลากหลายตลอดประวัติศาสตร์[1] | ||||||||||||||||||
ภาษาทั่วไป | ละติน เยอรมัน อิตาลี เช็ก ดัตช์ ฝรั่งเศส สโลวีเนีย และอื่น ๆ | ||||||||||||||||||
ศาสนา | โรมันคาทอลิก | ||||||||||||||||||
การปกครอง | สมาพันธรัฐแบบราชาธิปไตยโดยเลือกตั้ง | ||||||||||||||||||
จักรพรรดิ | |||||||||||||||||||
• ค.ศ. 800-814 | ชาร์เลอมาญ | ||||||||||||||||||
• ค.ศ. 962-967 | อ็อทโทที่ 1 | ||||||||||||||||||
• ค.ศ. 1027-1039 | คอนราดที่ 2 | ||||||||||||||||||
• ค.ศ. 1530-1556 | ชาลส์ที่ 5 | ||||||||||||||||||
• ค.ศ. 1637-1657 | แฟร์ดีนันด์ที่ 3 | ||||||||||||||||||
• ค.ศ. 1792-1806 | ฟรันซ์ที่ 2 | ||||||||||||||||||
ยุคประวัติศาสตร์ | สมัยกลาง-สมัยใหม่ตอนต้น | ||||||||||||||||||
• จักรพรรดิอ็อทโทที่ 1 ขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งอิตาลี | 2 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 800 | ||||||||||||||||||
ค.ศ. 1034 | |||||||||||||||||||
• สนธิสัญญาสันติภาพเอาก์สบูร์ก | 25 กันยายน ค.ศ. 1555 | ||||||||||||||||||
24 ตุลาคม ค.ศ. 1648 | |||||||||||||||||||
• จักรพรรดิฟรันซ์ที่ 2 ยุบจักรวรรดิ | 6 สิงหาคม 1806 | ||||||||||||||||||
|
ในวันที่ 25 ธันวาคม ค.ศ. 800 สมเด็จพระสันตะปาปาลีโอที่ 3 ทรงประกอบพิธีราชาภิเษกให้ชาร์เลอมาญ กษัตริย์แห่งชาวแฟรงก์ ขึ้นเป็นจักรพรรดิแห่งชาวโรมันโดยปกครองดินแดนทั้งหมดในยุโรปตะวันตก ลูกหลานของชาร์เลอมาญก็ได้สืบทอดบัลลังก์นี้ไปจนถึง ค.ศ. 899 หลังจากนั้นบัลลังก์แห่งแฟรงก์ก็ตกไปเป็นของผู้ปกครองชาวอิตาลีจนถึง ค.ศ. 924 บัลลังก์ได้ว่างลงเป็นระยะเวลากว่า 38 ปี จนเมื่อพระเจ้าอ็อทโทแห่งเยอรมนีสามารถพิชิตอิตาลีได้ พระองค์ก็เจริญรอยตามชาร์เลอมาญ[2] โดยให้พระสันตะปาปาประกอบพิธีราชาภิเษกพระองค์ขึ้นเป็นจักรพรรดิแห่งชาวโรมันเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 962 เป็นจุดเริ่มต้นของจักรวรรดิซึ่งจะดำรงอยู่กว่าแปดศตวรรษจากนี้[3]
เนื่องจากจักรวรรดินี้ดำรงอยู่เป็นระยะเวลากว่าแปดร้อยปี ดินแดนของจักรวรรดิจึงแปรเปลี่ยนไปตามกาลเวลาในประวัติศาสตร์ ดินแดนในจักรวรรดิมีหลายฐานะ ตั้งแต่ ราชอาณาจักร ราชรัฐ ดัชชี, เคาน์ตี, เสรีนคร และอื่น ๆ ซึ่งปัจจุบันครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของเยอรมนี ออสเตรีย ลิกเตนสไตน์ สวิสเซอร์แลนด์ เบลเยียม เนเธอร์แลนด์ ลักเซมเบิร์ก สาธารณรัฐเช็ก สโลวีเนีย, บางส่วนในอิตาลี บางส่วนในฝรั่งเศส บางส่วนในโปแลนด์
เมื่อเข้าสู่ยุคสมัยใหม่ อาณาจักรโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่อยู่ในฐานะที่จะทำสงครามรุกรานขยายอาณาเขตได้อีกต่อไป การดำรงอยู่ของจักรวรรดิ์กลายเป็นเรื่องของการรักษาสันติภาพและความมั่นคงภายใน โดยตัวจักรวรรดิมีหน้าที่คอยแก้ไขปมขัดแย้งระหว่างรัฐใต้ปกครองโดยทางสันติวิธี และรัฐใต้ปกครองก็มีผลประโยชน์ร่วมกันที่จะรักษาจักรวรรดิไว้จากพฤติกรรมที่คาดเดาไม่ได้ของเหล่าผู้ปกครองด้วยกัน โดยเฉพาะรัฐเล็ก ๆ ที่มีความทะเยอทะยานแบบจักรวรรดินิยม ฯ บทบาทในการรักษาสันติของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์จึงมีส่วนสำคัญในการช่วยให้สันติภาพเวสต์ฟาเลีย ปี ค.ศ. 1648 ดำเนินไปได้โดยราบรื่น
หลังพ่ายแพ้ต่อฝรั่งเศสในยุทธการที่เอาสเทอร์ลิทซ์ในปี ค.ศ. 1805 จักรวรรดิได้สูญเสียรัฐต่าง ๆ ไปจำนวนมากแก่ฝรั่งเศส ในการนี้ จักรพรรดินโปเลียนแห่งฝรั่งเศสได้เอารัฐที่ยึดมาได้จัดตั้งขึ้นเป็นสมาพันธรัฐแห่งแม่น้ำไรน์ ส่งผลให้จักรพรรดิฟรันซ์ที่ 2 แห่งโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ตัดสินใจยุบจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ในวันที่ 6 สิงหาคม ค.ศ. 1806 และสถาปนาจักรวรรดิออสเตรียขึ้นมาแทน